Skip to main content

About

อัพเดทปี 2568
หนึ่ง พุทธิพัชร์ นักพัฒนาเว็บไซต์ และที่ปรึกษาธุรกิจ ผ่านความล้มเหลว ผ่านความสำเร็จ เดินเคียงข้างกันไป

  • ชื่นชอบการทำเว็บไซต์ เริ่มเขียนเว็บไซต์มาตั้งแต่สมัยมัธยม
  • ทำงานประจำในการเป็น Web Designer, Frontend-Developer, Digital Project Manager
  • เปิดบริษัทรับเขียนเว็บไซต์ตั้งแต่ปี 2556-จนถึงปัจจุบัน
  • ชื่นชอบและมีประสบการณ์ในด้านการทำ SEO และ Google Adwords ให้กับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนรวมถึง SME หลายธุรกิจ
  • รับงานสอนทำเว็บ สอนทำการตลาด สอนยิง Ad ให้กับบริษัทต่างๆ ไล่ตั้งแต่บริษัทที่กำลังโต ไปจนถึงบริษัทที่กำลังจะปิดตัวลง
  • ผ่านการทำโฆษณาบน Facebook ให้กับบริษัทมาหลายธุรกิจ

สกิลสุดเนิร์ดที่ภูมิใจของผมมีดังนี้

  • HTML/CSS/JS
  • jQuery
  • Next.JS
  • PHP
  • WordPress WooCommerce แบบคลั่งไคล้ลงลึกทุกปลั๊กอินที่ใช้
  • Wix
  • Adobe Photoshop ใช้ออกแบบเว็บ ตี Grid หั่น Slice Tool สนุกสนาน
  • Adobe illustrator
  • Figma

เอาหละ ปฐมบทชีวิตเริ่มต้นขึ้น…

เริ่มต้น สมหวัง ผิดหวัง

ก็คงเหมือนกับทุกคนในแต่ละช่วงชีวิต หลังจากช่วงวัยรุ่น เราคือ Developer ชอบเขียนโค๊ด ชอบออกแบบ ชอบทำโฆษณาวัดผล คอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนมือขวา มือซ้าย กินนอนอยู่กับมัน วันนึงก็ต้องมาเปิดบริษัท ให้ใหญ่ขึ้น รับงานได้มากขึ้น รับความท้าทายทุกรูปแบบ เคยสร้างบริษัทและบริหารทีมขนาดไม่ถึง 5 คน ไปจนถึงเกือบครึ่งร้อยมีทั้งสำเร็จ และพังไม่มีชิ้นดี ..ก็ไล่รับงานลูกค้าตามตึกต่างๆในกรุงเทพ ตามอาคารห้องแถว ทุกธุรกิจ  เก็บ Portfolio งานดังๆ งานTopของวงการธุรกิจนั้นๆ งานระดับภารรัฐ หน่วยงานเอกชนขนาดใหญ่ ที่ไหนไปหมดตามภาษาวัยรุ่นไฟแรง(ช่วงนั้นอายุประมาณ 24-28 ปี)

ผมนั่งทำงานกับลูกค้าได้เป็นวันๆ ยันเช้า กลับอีกทีฟ้าสว่าง ผมยังจำได้ว่ามีเจ้าของธุรกิจอสังหาท่านนึง นั่งทำงานกับผม เราก็แค่เด็กเขียนเว็บคนนึงในเวลานั้น ระหว่างทำงานจนถึงเช้า ได้ข้อคิดอะไรดีๆมากมาย ในแต่ละวันจะหมดไปกับการประชุม พบเจอคน รับฟังปัญหา นั่งเขียนเว็บหน้างานบ้าง หลบหลังร้านค้าบ้าง นัดร้านกาแฟวันละ 4-5 ที่บ้างเพื่อคุยงานทำงาน มันทำให้ได้เรียนรู้สิ่งที่ลึกซึ้งที่สุดมากกว่าการทำเว็บ คือการเข้าใจ และการมองปัญหาของธุรกิจและคนเหล่านั้นให้ออก เพราะเป้าหมายของธุรกิจบางครั้งมันไม่ใช่แค่ยอดขาย หรือ Branding แต่มันลึกซึ้งกว่านั้น เพราะคนต่างหากที่เป็นคนกำหนดเป้าหมายเหล่านี้ขึ้นมา เรามักจะได้รับฟังข้อมูลที่เป็นเชิงลึกที่สุด จากเจ้าของธุรกิจด้วยกันทุกวัน ทุกธุรกิจ หรือจากคนในองค์กรที่เป็นปัญหาที่ยิบย่อยที่สุด ทำให้เข้าใจทุกฝ่ายว่าแต่ละฝ่ายมีแนวคิดอย่างไร มันก็ตรงทั้งเรามองแววตา ฟังเสียงลมหายใจ ท่าทาง ก็พอจะเข้าใจว่าเค้าจะสื่อสารอะไร และกำลังจะเจออะไรอยู่ แต่ต้องเปิดรับ เปิดใจฟังให้มากที่สุด และฟัง รวมถึงสื่อสารอย่างเข้าใจโดยใช้องค์ความรู้ สถิติ และประสบการณ์… นั้นหละคือการขายที่ดีที่สุด คือไม่รู้ว่าขายอะไร ราคาเท่าไหร่ แต่ใช้ความรู้ และใช้หัวใจนำทางก่อน ดีเทลอื่นมันจะอยู่ในใบเสนอราคาเอง ลูกค้าไม่ได้ต้องการคนเก่งอะไรมากมาย เพราะงานมันก็เหมือนๆกันทุกบริษัท แต่เค้าแค่ต้องการคนที่เข้าใจเค้า

วันที่เติบโต

พอถึงวันนึงก็ต้องเติบโต จึงเริ่มรับงานทุกประเภทในแง่ของการรับโจทย์ หาวิธีแก้ปัญหา รับฟังปัญหาจากลูกค้า ซึ่งนั่นเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจไปตลอดกาล จากแค่ทำเว็บ จำเป็นต้องกลายเป็นให้คำปรึกษา เข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับธุรกิจที่ติดต่อเข้ามา

ทำให้พบเห็นปัญหามากมาย และเว็บไซต์นั้นไม่เพียงพอสำหรับแก้ปัญหาเหล่านี้ทั้งหมด บางปัญหาต้องแก้ที่คน บางปัญหาเอาสื่อออนไลน์เข้าไปช่วย จากนั้นพอสะสม พบเจอลูกค้า พบเจอธุรกิจแทบจะทุกประเภท ทำให้มีความรู้และประสบการณ์ ว่าถ้าธุรกิจแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ เราจะใช้สื่อออนไลน์ หรือให้คำแนะนำจากประสบการณ์กับลูกค้าอย่างไรดี

มันไม่ได้มีค่าบริการที่ปรึกษาชัดเจน เพราะผมเป็นคนที่เวลาเห็นลูกค้ามีปัญหา เราก็อยากเข้าไปช่วยให้เค้าผ่านตรงนั้นมาได้ แก้ได้ก็ดี แก้ไม่สำเร็จก็ต้องผิดหวัง และหาทางแก้ไขต่อไป แต่หนึ่งสิ่งที่ได้รับกลับมาเสมอก็คือทุกๆวันนี้ เราจะทำอะไรให้สื่อออนไลน์ สิ่งที่เราเชี่ยวชาญ ไปช่วยลูกค้าให้ได้มากที่สุดดีบ้าง และทำอย่างไร

ผมเลยหยุดพัฒนาไม่ได้ วันนี้เชี่ยวชาญทำเว็บ พรุ่งนี้ต้องเชี่ยวชาญด้านอื่นให้ครบด้านที่สุด เพื่อที่เราจะช่วยเหลือใครให้ได้มากที่สุดในวันที่ยังพอมีกำลัง ถึงแม้บางครั้งจะผิดพลาด แก้ไม่สำเร็จ เป็นเรื่องเป็นราว แต่ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา ล้วนทำให้เราได้ประสบการณ์เสมอ

วันที่แย่ที่สุด

คนเราทุกคนก็คงมีช่วงเวลาที่แย่  วันที่สำเร็จ มันมักจะกลายเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งในวันถัดไป แต่วันที่แย่ที่สุด วันที่พลาดที่สุด จากสิ่งที่เคยทำสำเร็จ ผิดพลาดขึ้นมา กลายเป็นคนที่ดูไม่ดีไปเลย สำเร็จสุดมันก็มีระดับ 7-8 หลัก แต่วันที่แย่ที่สุด หนี้วิ่งเข้ามาก็ 7 หลักเสมอ มันมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่าง เฮ้ยพลาดรับงานไม่ดูเลยหนึ่ง!! …หรือมองให้ดี ว่าเราบ้าบิ่นกล้าหาญและจริงใจที่จะรับปัญหานี้ เพราะอยากแก้ไขให้เค้า มันคือความหวังดีที่มีตั้งแต่แรกเริ่มที่ผมให้มากกว่า แต่เวลาพังเราก็แค่คนที่ต้องรับผิดชอบคนเดียว เพราะเจ้าของบริษัทลาออกไม่ได้ นั่นหละหน้าที่

มันเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้ ทั้งที่จุดเริ่มต้น ความจริงอีกด้านมันอาจไม่ใช่เป็นแบบนั้น แต่เราก็คงอยากใช้เวลาแก้ไขปัญหา ปรับปรุงมากกว่าไปอธิบายอะไรใคร แต่หนึ่งสิ่งที่อยู่กับเราเสมอ คือความรู้ ความสามารถที่เราอดทน ฝึกฝนมาอย่างชำนาญ มันไม่เคยสูญหายไปไหน วันที่มีทุกอย่างพร้อมมันก็โอเค แต่เรามักจะไม่ลืมวันที่แย่ที่สุด ว่าอะไรที่อยู่กับเรา เรามีความสามารถอะไร มันยิ่งทำให้เราอยากใช้ความสามารถตรงนี้ ช่วยคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราทำได้

“คุณทำดี ทำสำเร็จ ก็เยี่ยม  คุณพลาด ก็โดนรุมเอง” โลกเรามันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
แต่ผมก็ไม่เคยมองโลกในแง่ร้ายใดๆ ทุกวันมันดีเสมอ ตื่นมามีคอม มีกาแฟ มีงาน มีความช่วยเหลือให้แก้… นี่หละคือความสุขในชีวิตเท่าที่เราจะมีได้